Living In Guildford

........................................

29/09/2009

Staying in Guildford!!!

ตอนนี้อยู่ อังกฤษแล้วค่ะ ^_^
ถึงตั้งแต่วันที่ 26 กันยา เวลา 7:30am (ของอังกฤษ) แต่รอ ตม. เกือบ 2 ชม.แหนะ
กว่าจะเจอคนจากมหาลัยที่มารับก็เกือบ 10am = ="

มาอยู่เมือง Guildford ซึ่งเป็นเมืองเอกของ Surrey County
ห่างจาก London ประมาณ 45 นาทีรถไฟ
ชื่อเมือง Surrey มันไม่ดังเพราะไม่มีทีมบอลของเมืองละมั้ง คนเลยไม่ค่อยรู้จัก

ตอนนี้หอพักที่ต้องอยู่ตลอด 1 ปีนี้คือหอในมหาลัยชื่อ
หอ Millennium House Flat94
ตัวตึกเป็นรูปรถไฟ เพราะอยู่ใกล้ทางผ่านรถไฟนั่นเอง = ="
ส่วนเรื่องเสียงรถไฟ อันนี้เฉยๆ ไม่ค่อยดังเท่าไหร่
แต่คนไทยหอเดียวกันบางคนบอกรำคาญ...
หลายคนบอกอีกหอที่ชื่อ Inter ดีกว่า แต่เราว่าหอ Millennium ก็ดี
อยู่ใกล้ทางเข้าเมือง ใกล้ป้ายรถบัส แถมเดินไปตึกที่เรียนก็ยังได้
เสียอย่างเดียวห้องครัวเล็กไปหน่อย = ="



เพื่อนคนไทยที่อยู่หอเดียวกัน(Flat ติดๆกันเลย) ก็มี
หอยแนนกับพี่พจน์ Flat93 , ที่ทู Flat95 , พี่แอน, พี่โต๊ส, พี่เตย Flat101 หรือ 102 นี่แหละ
นอกจากนี้ก็มีโซวอี้ คนไต้หวันที่เรียน GDMS เหมือนกัน อยู่ Flat100 ด้วย ^_^


ตอนนี้อยู่ในช่วงสร้างตัว ใช้เงินซื้อของไปเยอะเหมือนกัน...
ไหนจะกาต้มน้ำ กระทะ หม้อ จาน ช้อนซ้อม มีด ของใช้ในห้องอีก...
ตอนนี้มีแผนจะซื้อ Heater เพราะเริ่มหนาวมากแล้ว...
เย็นๆจะหนาวมาก ปิดหน้าต่างก็ยังหนาว แถมตอนเช้ากว่าจะอาบน้ำได้ก็สั่นอยู่นาน >"<
...วันอาทิตย์ไปช๊อบที่เมือง Working มาก นั่งรถไฟไปตดยังไม่ทันหายเหม็นก็ถึงละ = ="
...ซื้อของไปเยอะเลย แบบว่าของถูกเยอะ อย่าง Poundland กับ Primark
...เมื่อเย็นวันจันทร์ก็ไปกินข้าวร้านไทยมา ร้าน Thai Terrace ที่ Town
...กับพี่โอ๋ พี่นุ้ย และพี่เบียร์ อาหารก็อร่อยดี แต่ติดหวานไปนิดนึง

...แถมคืนเดียวกัน Housemates ทั้ง 4(อีกคนเป็นไต้หวันเพิ่งเจอวันนี้)
...คนดันฮึดมาทำความสะอาดห้องครัว
...กลับจากกินข้าวร้ายไทยซึ่งอิ่มมาก ต้องมาช่วยทำ = ="
...พอเที่ยงคืนกว่า อาบน้ำเสร็จกำลังเล่นคอมอยู่ สาวน่ารักห้อง6 ก็มาชวนไปดูหนังที่ห้อง
...ด้วยความ Friendly เลยไปดู ดูไปง่วงไปกว่าจะดูจบก็ตี 2 กว่า
...นั่งคุยกันซักพักก็ขอตัวกลับ
...แบบง่วงมากอะ กำลัง Jet Lack อยู่ เลยเบลอๆ ส่งผลให้วันอังคารปวดหัวมากกก

ขอจบการบ่นแค่นี้ละกัน
วันเสาร์ที่ผ่านมาไปลอนดอนมาด้วย
ไว่ค่อยเอารูปมาลง เพราะต้องรอรูปที่พี่กานต์(คนสวย)ก่อน ^_^
เอาแค่รูปจากกล้อง(ห่วยๆ)ที่ถ่ายเองก่อนละกัน


07/09/2009

การขอวีซ่านักเรียนอังกฤษค่ะ >"<

สวัสดีทุกท่าน (ทั้งที่ตั้งใจเข้ามา และบังเอิญ) เจ้าค่ะ ^_^

มาอัพบล๊อกหลังจากที่หายไปนาน เนื่องจากว่าไม่ได้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งในช่วงที่ทำเรื่องขอวีซ่านั่นเอง = ="
วันนี้เลยจะมาเขียน(พิมพ์)เกี่ยวกับการยื่นเรื่องขอ UK VISA แบบ Tier4 หรือ VISA นักเรียนนั่นเอง

หลายท่านอาจรู้ข้อมูลแล้ว แต่บางท่านก็ไม่ค่อยทราบข้อมูลได้ เพราะงั้น เราเลยขอเขียนเล่าถึงประสบการณ์ และข้อมูลเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการขอวีซ่านักเรียนประเทศอังกฤษนะค่ะ
ขอบอกก่อนนะค่ะ ว่าการขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอังกฤษนั้นเราไม่ต้องเดินทางไปที่สถานฑูตอังกฤษนะค่ะ เพราะทางสภานฑูตมีการว่าจ้างบริษัทที่จะเป็นตัวแทนในการรับเอกสารค่ะ ในที่นี้คือ VFS
ซึ่ง VFS เนี่ยเป็นเพียง "ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า" เท่านั้นค่ะ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผลของวีซ่า
(http://www.vfs-uk-th.com)

ก่อนอื่นเลยก็ต้องการเตรียมเอกสารกันก่อน (สำหรับวีซ่านักเรียน Tier4 ที่เราใช้ยื่น)....ดังนี้ค่ะ

1. บัตรประชาชนตัวจริง + สำเนา (พยายามให้เป็นบัตร smart card นะค่ะ เพราะจะมีชื่อภาษาอังกฤษอยู่บนบัตรด้วย)

2. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน ที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน + สำเนา 2 ชุด

3. หนังสือเดินทางเล่มเก่า (เท่าที่มี) + สำเนา

4. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว อายุไม่เกิน 6 เดือน (พื้นหลังสีขาว) จำนวน 2 รูป

5. ใบรับรองจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหรือใบรับรองการทำงาน + สำเนา

6. Transcript อันล่าสุด + สำเนา

7. เอกสารรับรองการตรวจวัณโรคจาก IOM + สำเนา (ดูขั้นตอนการไปตรวจได้ที่ entry อันที่แล้ว)

8. ผลการสอบ IELTS + สำเนา

9. VISA letter จากมหาวิทยาลัย + สำเนา (ซึ่งได้ถูกกำหนดให้มีข้อมูลตามลิงค์นี้นะค่ะ >>จิ้ม<< )

10. Recommend letter จากอาจารย์ที่มหาลัย + สำเนา (แต่เห็นบางคนใช้ SOP ด้วยค่ะ)

11. Book Bank ของเราเองค่ะ เป็น Saving account ที่มีจำนวนเงินตามที่สถานฑูตกำหนดไว้ขึ้นอยู่กับเมืองที่จะไปอยู่ด้วยค่ะ (รู้สึกว่าหลังวันที่ 1 ตุลา 09 นี้ต้องมีเงินในบัญชีตามที่กำหนดไม่ต่ำกว่า 28 วัน) + สำเนา

12. Statement letter เป็นภาษาอังกฤษ จากธนาคารที่เราฝากเงินไว้ โดยไปขอได้เลยค่ะ(เอา Book bank กับ Passport ไปด้วย เสียค่าทำ 100 บาท) บอกเค้าว่าขอ Statement letter เพื่อไปขอวีซ่าที่สถานฑูตอังกฤษ + สำเนา
ซึ่งในเอกสารฉบับนี้ต้องมี
- ชนิดของบัญชี (เป็น saving account)
- ชื่อเจ้าของบัญชีเป็นภาษาอังกฤษตรงกับในหนังสือเดินทาง
- วันที่เปิดบัญชี
- จำนวนเงินเป็นบาท
- จำนวนเงินเป็นปอนด์สเตอร์ริง
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่ไปขอเอกสาร
- ลายเซนต์ผู้จัดการสาขาธนาคารที่ไปขอค่ะ (อันนี้แหละที่สำคัญ = =")
เราแนะนำธนาคารกรุงเทพนะค่ะ เพราะไปของ่ายดี พนักงานก็รู้งานดีค่ะ เพื่อนเราเคยไปขอธนาคารอื่น(ขอสงวนชื่อไว้) ต้องไปขอให้แก้เอกสารด้วยอะค่ะ = ="

13. แบบฟอร์ม VAF9 โดยต้องไปกรอกออนไลน์ค่ะแล้วปริ้นออกมา

14. Appendix8 กรอกมือค่ะ (แนะนำให้เขียนวันเดินทางล่วงหน้ากว่ากำหนดของเราเองนะค่ะ เพราะความเร็วในการรอผลขึ้นอยู่กับวันเดินทางด้วย)

15. และอันสุดท้ายที่สำคัญที่สุดค่ะ คือค่าขอวีซ่านั่นเอง สำหรับวีซ่าแบบ Tier4 ค่าขอคือ 8410 บาท โดยไปซื้อแคชเชียร์เช็คได้ที่ธนาคารด้านล่างตึกรีเจนท์ เฮาส์ (ธนาคารสีเหลืองๆจำชื่อไม่ได้แล้ว มีอยู่ธนาคารเดียวเลย) สั่งจ่าย British Embassy Bangkok ค่ะ

จริงๆบางคนอาจมี ใบรับรองหอพัก และใบเสร็จค่าเทอมหรือค่าหอพักด้วยก็ดีนะค่ะ แต่ของเราตอนไปขอเราเพิ่งจ่ายค่าเทอมก่อนไปขอ 1 วันเลยยังไม่ได้ใบเสร็จ เลยไม่ได้ยื่นไป ก็ไม่มีปัญหานะค่ะ

***เอกสารทุกอย่างยกเว้นรูปถ่าย, VAF9, Appendix8 และแคชเชียร์เช็ค ต้องมีสำเนานะค่ะ และควรถ่ายเอกสารทุกอย่างให้พร้อมค่ะ มิฉะนั้นคุณจะต้องถายเอกสารที่ VFS ใบละ 3 บาท!!!***

เอาล่ะ ^_^
ในเมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว....ก็นัดวันไปยื่นเอกสารค่ะ โดยไปนัดได้ที่เวปไซด์ของ VFS ได้เลยค่ะ ควรนัดล่วงหน้ามากกว่า 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วงที่คนไปขอเยอะ ในเดือน 6-8 ค่ะ (ของเราไม่ได้นัดค่ะ วันที่ตั้งใจจะไปดันเต็มเลย walk in เข้าไปเลย ซึ่งจะต้องนั่งรอนานหน่อย)

- เดินทางไป VFS
แนะนำให้ไปช่วงเช้าประมาณก่อน 9 โมงนะค่ะ เพราะต้องรอคิวประมาณ 2 ชม. (สำหรับการ walk in)
VFS ตั้งอยู่ที่ 183 อาคารรีเจ้นท์ เฮาส์ ชั้น 2 (ติดกับ AUA) ถนน ราชดำริ แขวงลุมพินี เขตประทุมวัน กทม.

วิธีเดินทางที่ขอแนะนำคือ ไปด้วยรถไฟฟ้า BTS ค่ะ ลงที่สถานีราชดำริ ออกช่องที่จะไป AUA นะค่ะ แล้วเดินไปทาง AUA ตึกรีเจนท์ เฮาส์จะอยู่ถัดไปเลยค่ะ (ตึกที่มีธนาคารสีเหลือง)
แต่ถ้าไม่รู้ว่าลงมาแล้วจะเดินไปทางไหน ถามจนท.หรือพี่ยามแถวๆนั้นได้ค่ะ
โดย VFS จะอยู่(ชั้นสอง) ชั้นลอย แบบพอเข้าไปในตึก มองไปทางด้านบนที่เป็นชั้นลอย เห็นคนเยอะๆก็ใช่แล้วละค่ะ ^_^

- รับบัตรคิว
ก่อนขึ้นไปอย่าลืมไปซื้อแคชเชียร์เช็คที่ธนาคารสีเหลืองก่อนนะค่ะ
เดินไปที่ชั้น 2 แล้วไปรับบัตรคิวจากพี่ยามค่ะ โดยคิวนี้จะเป็น A+(หมายเลข) เวลาดูที่จอเรียกจะได้หาเจอ
(เพราะเดี่ยวจะมี D+(หมายเลข) ด้วย)
เมื่อรับบัตรคิวแล้วจะเข้าไปในห้องรอเลย หรือจะรอด้านนอกก่อน พอใกล้เบอร์ของเราค่อยเข้าไปก็ได้

อย่าลืมปิดมือถือตอนเข้าไปนะค่ะ


- ยื่นเอกสาร
เมื่อถึงคิวของเรา ก็ทำการยื่นเอกสารที่เอามาทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่เลย เค้าก็จะเช็คเอกสารของเรา อาจมีถามนู่นนั่นนี่บ้าง ก็ตอบๆไปค่ะ เชื่อมั่นใจตนเองค่ะ ถ้าเอกสารที่จำเป็นครบก็ไม่น่าจะมีปัญหา (แต่ตอนเราไปยื่นเค้าถามมากซะจนเราเฟลไปหลายวันเลย >"<) และเราได้สมัครให้ส่งความคืบหน้าของคำร้องผ่านทาง sms (3 sms 15 บาท = =") ไปด้วย

นอกจากนี้ก็จะให้เราเลือกวิธีการรับวีซ่าและเอกสารคืน ถ้าอยู่กรุงเทพ, เชียงใหม่ และข่อนแก่น ก็สามารถส่งป.ณ.ไปได้ค่ะ แต่เราอยู่หาดใหญ่ ก็ต้องไปรับเองที่กรุงเทพเลย หรือให้ส่งไปบ้านญาติในกทม. ซึ่งเราเลือกอย่างหลังค่ะ เลยจำเป็นต้องเขียนใบมอบอำนาจให้ญาติรับเอกสารแทนด้วย

- สแกนลายนิ้วมือ
เมื่อยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เสร็จ จะได้บัตรคิวอีกใบเป็น D+(หมายเลขอันเดิม)
แล้วกลับมานั่งรอที่เดิมเพื่อไปสแกนลายนิ้วมือค่ะ

พอถึงคิวพี่ยามก็จะเรียก เราก็เข้าไปสแกนนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว + ถ่ายรูป เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ^_^

เราใช้เวลาในการไปยื่นขอเกือบๆ 2 ชม.นะค่ะ ไปถึง VFS ประมาณ 9 โมงครึ่ง
ทำเสร็จทุกอย่างออกมาจาก VFS 11 โมงครึ่งกว่าๆเองค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะนานกว่านี้ซะอีก....



ลืมบอกค่ะ ว่าตอนนี้ VISA ของเราผ่านแล้วค่ะ ไชโย!!!!
ใช้เวลาในการรอ 3 อาทิตย์พอดิบพอดี ได้ค่อนข้างเร็วเพราะเราเขียนวันเดินทางล่วงหน้าเกือบเดือนอะค่ะ
คือกะจะเดินทางวันที่ 25 กันยายนนี้ แต่เราเขียนว่าเดินทาง 1 กันยา เลยได้เร็วเลย ฮา...

ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน เราซื้อกับ STA travel ค่ะ ได้ทำบัตรนักศึกษานานาชาติด้วย(ชื่อเวอร์เชียว) หรือย่อว่า ISIC ค่ะ
แถมได้น้ำหนักกระเป๋าเป็น 30 kg ด้วย ^_^

สุดท้าย (จะไปนอนละ = =")
ตอนนี้ก็เหลือแต่รอรับปริญญา, จัดกระเป๋า กับซื้อเสื้อหนาวนิดหน่อยและของใช้ส่วนตัว
ส่วนที่เหลือไปตาย(ซื้อ)เอาดาบหน้าที่นู่นดีกว่า ขี้เกียจหอบไปเยอะ ="=

...ฝันดีค่ะ...