Living In Guildford

........................................

03/12/2009

Happy Week ^_^

วันนี้มาสั้นๆ ได้ใจความ
ว่างว๊อยยย.....

เนื่องจากว่าโหมงานจากเดือนที่แล้ว...จนโทรม
หายตัวไปจากสังคมชั่วคราว...= ="

วันศุกร์ที่แล้วส่งงาน marketing
แอบวุ่นวายนิดหน่อย
แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ^_^

ส่วนวันทร์ที่ผ่านมา....
ก็พรีเซนต์งาน management ไป...
รู้สึกดี อาจารย์ใจดีมากมาย
พยักหน้าแบบเข้าใจที่เราพูดด้วย ดีจาย....

พี่พจน์มีไปถามอาจารย์ด้วยว่าที่พรีเซนต์เนี่ย
อ.ชอบกลุ่มไหน...
อ.ก็บอกชอบกลุ่มเรากับอีกกลุ่มนึง
ดีจายยย....(อีกรอบ >"<) อาทิตย์หน้าก็รอดู performance ของกลุ่มพี่เค้ามั่ง ได้ข่าวว่าไฮโซ 555 ไม่มีรูปเลย....เอารูป ตอนไป Clandon Park ละกัน (ไปมาเดือนครึ่งละ = =")

21/11/2009

[London Trip]อัพรูปแต่ไม่ได้อัพที่ Blogger = ="

...เมื่อวานไปเที่ยวลอนดอนมา...

แต่ว่า...เหตุด้วยขี้เกียจมาก เพราะการบ้านเยอะ...
เลยไปอัพรูปให้เพื่อนในบอร์ด dl-fs ดู
แต่...ขี้เกียจอัพในนี้เพราะกว่าจะเสร็จคงนาน....
เลยเอาลิงค์มาแปะละกัน ...
ง่ายดี ^_^

>> จิ้มจ้ะ <<
ลืมบอกว่า trip นี้ไปกะแนน...= ="
พี่ Paul เพื่อนเกาหลีถ่ายให้ ไม่ค่อยชัดเลย = ="

ขอจบการอัพบล๊อกเพียงเท่านี้
(ง่ายกว่าครั้งที่แล้วอีก)

15/10/2009

Around University of Surrey!!!!

วันนี้ฤกษ์งามยามดี (ตอนบ่ายอากาศดี)
เลยออกมาถ่ายรูปรอบมหาลัยกับเพื่อนๆหอ Millennium กัน
มีน้องแนน พี่แอน และพี่พจน์เป็นคนถ่าย(ฮา...)
รูปแรก ออกเดินทางจากหอรถไฟของเรา...

ด้านซ้ายมือสีส้มๆ ก็คือหอ Millennium
บ้านของพวกเรานั่นเอง ^_^

รูปสอง
อันนี้...เป็นสวนไว้นั่งเล่น
จริงๆมีทะเลสาบด้วย แต่เค้ากั้นเชือกปรับปรุงอยู่
ดูไม่สวยเลยไม่ถ่ายติดมา....

รูปสาม
ตอนนี้เป็นช่วง Autumn อยู่
ใบไม้เลยเกลื่อนกลาดนิดนึง สีสวยดี ^_^

รูปสี่
กลัวไม่เชื่อว่าไม่มีทะเลสาบอยู่จริงๆ
เลยเอาน้องเป็ดมาโชว์....

รูปห้า
ต่อไป...เป็นลูกกลมๆ อยู่กลางสวน
ซึ่งไม่รุ้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน = ="

รูปหก
สระน้ำหน้าตึกเรียน...
เลยมานั่งรอพี่ทู ที่กำลังจะเรียนเสร็จมาสมทบ

รูปเจ็ด
โปรดสังเกตผู้ชายตัวใหญ่ถือหนังสือทำท่าเดินด้านขวา...
ไม่รุ้ว่าเป็นใคร แต่เราเรียกกันว่า Johnny Walker
เค้าเดินอยู่หน้าตึกเรียนภาษากับตึก Management
(พี่ทูตามมาสมทบละ ^_^)

รูปแปด
มาถ่ายกันเล่นที่สวนอีกอันที่อยู่ใกล้หอ Inter
(อยู่ระหว่าเดินทางไปหาน้องกวาง
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ University of Surrey)

รูปเก้า
สวนสวย หญ้างาม..
น่านอนเล่นเป็นที่สุด ^_^

รูปสิบ ในที่สุดก็มาถึงน้องกวางซักที = ="
ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงได้(รวมแวะรายทาง)...
เดินมาจนจะถึง Tesco แล้วด้วย = ="

รูปสิบเอ็ดมองน้องกวาง...

รูปสิบสอง และก็มานั่งเล่น(พักเหนื่อย) ที่สวนอีกแห่งนึง
(มีหลายสวนจริงๆมหาลัยนี้)

รูปสิบสาม
เป้าหมายคือไป....คือโบส(อยู่ด้านหลังจ้ะ = =")

รูปสิบสี่
เดี่ยวจะหาว่ามีแค่คน...วิวเรา(พี่พจน์ถ่าย)ก็ถ่ายนะ ^_^
มุมนี้อยู่ด้านข้างโบส...มองลงไปเป็น Town ด้วย

รูปสุดท้าย โฉมหน้าสมาชิกที่ร่วมเดิน(จริงๆนะ)ในบ่ายวันนี้ ^_^

ขอจบการอัพแบบง่ายๆละกัน
รอบนี้อัพด้วยความเร็วขั้นเทพสุดๆ = ="






29/09/2009

Staying in Guildford!!!

ตอนนี้อยู่ อังกฤษแล้วค่ะ ^_^
ถึงตั้งแต่วันที่ 26 กันยา เวลา 7:30am (ของอังกฤษ) แต่รอ ตม. เกือบ 2 ชม.แหนะ
กว่าจะเจอคนจากมหาลัยที่มารับก็เกือบ 10am = ="

มาอยู่เมือง Guildford ซึ่งเป็นเมืองเอกของ Surrey County
ห่างจาก London ประมาณ 45 นาทีรถไฟ
ชื่อเมือง Surrey มันไม่ดังเพราะไม่มีทีมบอลของเมืองละมั้ง คนเลยไม่ค่อยรู้จัก

ตอนนี้หอพักที่ต้องอยู่ตลอด 1 ปีนี้คือหอในมหาลัยชื่อ
หอ Millennium House Flat94
ตัวตึกเป็นรูปรถไฟ เพราะอยู่ใกล้ทางผ่านรถไฟนั่นเอง = ="
ส่วนเรื่องเสียงรถไฟ อันนี้เฉยๆ ไม่ค่อยดังเท่าไหร่
แต่คนไทยหอเดียวกันบางคนบอกรำคาญ...
หลายคนบอกอีกหอที่ชื่อ Inter ดีกว่า แต่เราว่าหอ Millennium ก็ดี
อยู่ใกล้ทางเข้าเมือง ใกล้ป้ายรถบัส แถมเดินไปตึกที่เรียนก็ยังได้
เสียอย่างเดียวห้องครัวเล็กไปหน่อย = ="



เพื่อนคนไทยที่อยู่หอเดียวกัน(Flat ติดๆกันเลย) ก็มี
หอยแนนกับพี่พจน์ Flat93 , ที่ทู Flat95 , พี่แอน, พี่โต๊ส, พี่เตย Flat101 หรือ 102 นี่แหละ
นอกจากนี้ก็มีโซวอี้ คนไต้หวันที่เรียน GDMS เหมือนกัน อยู่ Flat100 ด้วย ^_^


ตอนนี้อยู่ในช่วงสร้างตัว ใช้เงินซื้อของไปเยอะเหมือนกัน...
ไหนจะกาต้มน้ำ กระทะ หม้อ จาน ช้อนซ้อม มีด ของใช้ในห้องอีก...
ตอนนี้มีแผนจะซื้อ Heater เพราะเริ่มหนาวมากแล้ว...
เย็นๆจะหนาวมาก ปิดหน้าต่างก็ยังหนาว แถมตอนเช้ากว่าจะอาบน้ำได้ก็สั่นอยู่นาน >"<
...วันอาทิตย์ไปช๊อบที่เมือง Working มาก นั่งรถไฟไปตดยังไม่ทันหายเหม็นก็ถึงละ = ="
...ซื้อของไปเยอะเลย แบบว่าของถูกเยอะ อย่าง Poundland กับ Primark
...เมื่อเย็นวันจันทร์ก็ไปกินข้าวร้านไทยมา ร้าน Thai Terrace ที่ Town
...กับพี่โอ๋ พี่นุ้ย และพี่เบียร์ อาหารก็อร่อยดี แต่ติดหวานไปนิดนึง

...แถมคืนเดียวกัน Housemates ทั้ง 4(อีกคนเป็นไต้หวันเพิ่งเจอวันนี้)
...คนดันฮึดมาทำความสะอาดห้องครัว
...กลับจากกินข้าวร้ายไทยซึ่งอิ่มมาก ต้องมาช่วยทำ = ="
...พอเที่ยงคืนกว่า อาบน้ำเสร็จกำลังเล่นคอมอยู่ สาวน่ารักห้อง6 ก็มาชวนไปดูหนังที่ห้อง
...ด้วยความ Friendly เลยไปดู ดูไปง่วงไปกว่าจะดูจบก็ตี 2 กว่า
...นั่งคุยกันซักพักก็ขอตัวกลับ
...แบบง่วงมากอะ กำลัง Jet Lack อยู่ เลยเบลอๆ ส่งผลให้วันอังคารปวดหัวมากกก

ขอจบการบ่นแค่นี้ละกัน
วันเสาร์ที่ผ่านมาไปลอนดอนมาด้วย
ไว่ค่อยเอารูปมาลง เพราะต้องรอรูปที่พี่กานต์(คนสวย)ก่อน ^_^
เอาแค่รูปจากกล้อง(ห่วยๆ)ที่ถ่ายเองก่อนละกัน


07/09/2009

การขอวีซ่านักเรียนอังกฤษค่ะ >"<

สวัสดีทุกท่าน (ทั้งที่ตั้งใจเข้ามา และบังเอิญ) เจ้าค่ะ ^_^

มาอัพบล๊อกหลังจากที่หายไปนาน เนื่องจากว่าไม่ได้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งในช่วงที่ทำเรื่องขอวีซ่านั่นเอง = ="
วันนี้เลยจะมาเขียน(พิมพ์)เกี่ยวกับการยื่นเรื่องขอ UK VISA แบบ Tier4 หรือ VISA นักเรียนนั่นเอง

หลายท่านอาจรู้ข้อมูลแล้ว แต่บางท่านก็ไม่ค่อยทราบข้อมูลได้ เพราะงั้น เราเลยขอเขียนเล่าถึงประสบการณ์ และข้อมูลเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการขอวีซ่านักเรียนประเทศอังกฤษนะค่ะ
ขอบอกก่อนนะค่ะ ว่าการขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอังกฤษนั้นเราไม่ต้องเดินทางไปที่สถานฑูตอังกฤษนะค่ะ เพราะทางสภานฑูตมีการว่าจ้างบริษัทที่จะเป็นตัวแทนในการรับเอกสารค่ะ ในที่นี้คือ VFS
ซึ่ง VFS เนี่ยเป็นเพียง "ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า" เท่านั้นค่ะ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผลของวีซ่า
(http://www.vfs-uk-th.com)

ก่อนอื่นเลยก็ต้องการเตรียมเอกสารกันก่อน (สำหรับวีซ่านักเรียน Tier4 ที่เราใช้ยื่น)....ดังนี้ค่ะ

1. บัตรประชาชนตัวจริง + สำเนา (พยายามให้เป็นบัตร smart card นะค่ะ เพราะจะมีชื่อภาษาอังกฤษอยู่บนบัตรด้วย)

2. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน ที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน + สำเนา 2 ชุด

3. หนังสือเดินทางเล่มเก่า (เท่าที่มี) + สำเนา

4. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว อายุไม่เกิน 6 เดือน (พื้นหลังสีขาว) จำนวน 2 รูป

5. ใบรับรองจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหรือใบรับรองการทำงาน + สำเนา

6. Transcript อันล่าสุด + สำเนา

7. เอกสารรับรองการตรวจวัณโรคจาก IOM + สำเนา (ดูขั้นตอนการไปตรวจได้ที่ entry อันที่แล้ว)

8. ผลการสอบ IELTS + สำเนา

9. VISA letter จากมหาวิทยาลัย + สำเนา (ซึ่งได้ถูกกำหนดให้มีข้อมูลตามลิงค์นี้นะค่ะ >>จิ้ม<< )

10. Recommend letter จากอาจารย์ที่มหาลัย + สำเนา (แต่เห็นบางคนใช้ SOP ด้วยค่ะ)

11. Book Bank ของเราเองค่ะ เป็น Saving account ที่มีจำนวนเงินตามที่สถานฑูตกำหนดไว้ขึ้นอยู่กับเมืองที่จะไปอยู่ด้วยค่ะ (รู้สึกว่าหลังวันที่ 1 ตุลา 09 นี้ต้องมีเงินในบัญชีตามที่กำหนดไม่ต่ำกว่า 28 วัน) + สำเนา

12. Statement letter เป็นภาษาอังกฤษ จากธนาคารที่เราฝากเงินไว้ โดยไปขอได้เลยค่ะ(เอา Book bank กับ Passport ไปด้วย เสียค่าทำ 100 บาท) บอกเค้าว่าขอ Statement letter เพื่อไปขอวีซ่าที่สถานฑูตอังกฤษ + สำเนา
ซึ่งในเอกสารฉบับนี้ต้องมี
- ชนิดของบัญชี (เป็น saving account)
- ชื่อเจ้าของบัญชีเป็นภาษาอังกฤษตรงกับในหนังสือเดินทาง
- วันที่เปิดบัญชี
- จำนวนเงินเป็นบาท
- จำนวนเงินเป็นปอนด์สเตอร์ริง
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่ไปขอเอกสาร
- ลายเซนต์ผู้จัดการสาขาธนาคารที่ไปขอค่ะ (อันนี้แหละที่สำคัญ = =")
เราแนะนำธนาคารกรุงเทพนะค่ะ เพราะไปของ่ายดี พนักงานก็รู้งานดีค่ะ เพื่อนเราเคยไปขอธนาคารอื่น(ขอสงวนชื่อไว้) ต้องไปขอให้แก้เอกสารด้วยอะค่ะ = ="

13. แบบฟอร์ม VAF9 โดยต้องไปกรอกออนไลน์ค่ะแล้วปริ้นออกมา

14. Appendix8 กรอกมือค่ะ (แนะนำให้เขียนวันเดินทางล่วงหน้ากว่ากำหนดของเราเองนะค่ะ เพราะความเร็วในการรอผลขึ้นอยู่กับวันเดินทางด้วย)

15. และอันสุดท้ายที่สำคัญที่สุดค่ะ คือค่าขอวีซ่านั่นเอง สำหรับวีซ่าแบบ Tier4 ค่าขอคือ 8410 บาท โดยไปซื้อแคชเชียร์เช็คได้ที่ธนาคารด้านล่างตึกรีเจนท์ เฮาส์ (ธนาคารสีเหลืองๆจำชื่อไม่ได้แล้ว มีอยู่ธนาคารเดียวเลย) สั่งจ่าย British Embassy Bangkok ค่ะ

จริงๆบางคนอาจมี ใบรับรองหอพัก และใบเสร็จค่าเทอมหรือค่าหอพักด้วยก็ดีนะค่ะ แต่ของเราตอนไปขอเราเพิ่งจ่ายค่าเทอมก่อนไปขอ 1 วันเลยยังไม่ได้ใบเสร็จ เลยไม่ได้ยื่นไป ก็ไม่มีปัญหานะค่ะ

***เอกสารทุกอย่างยกเว้นรูปถ่าย, VAF9, Appendix8 และแคชเชียร์เช็ค ต้องมีสำเนานะค่ะ และควรถ่ายเอกสารทุกอย่างให้พร้อมค่ะ มิฉะนั้นคุณจะต้องถายเอกสารที่ VFS ใบละ 3 บาท!!!***

เอาล่ะ ^_^
ในเมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว....ก็นัดวันไปยื่นเอกสารค่ะ โดยไปนัดได้ที่เวปไซด์ของ VFS ได้เลยค่ะ ควรนัดล่วงหน้ามากกว่า 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วงที่คนไปขอเยอะ ในเดือน 6-8 ค่ะ (ของเราไม่ได้นัดค่ะ วันที่ตั้งใจจะไปดันเต็มเลย walk in เข้าไปเลย ซึ่งจะต้องนั่งรอนานหน่อย)

- เดินทางไป VFS
แนะนำให้ไปช่วงเช้าประมาณก่อน 9 โมงนะค่ะ เพราะต้องรอคิวประมาณ 2 ชม. (สำหรับการ walk in)
VFS ตั้งอยู่ที่ 183 อาคารรีเจ้นท์ เฮาส์ ชั้น 2 (ติดกับ AUA) ถนน ราชดำริ แขวงลุมพินี เขตประทุมวัน กทม.

วิธีเดินทางที่ขอแนะนำคือ ไปด้วยรถไฟฟ้า BTS ค่ะ ลงที่สถานีราชดำริ ออกช่องที่จะไป AUA นะค่ะ แล้วเดินไปทาง AUA ตึกรีเจนท์ เฮาส์จะอยู่ถัดไปเลยค่ะ (ตึกที่มีธนาคารสีเหลือง)
แต่ถ้าไม่รู้ว่าลงมาแล้วจะเดินไปทางไหน ถามจนท.หรือพี่ยามแถวๆนั้นได้ค่ะ
โดย VFS จะอยู่(ชั้นสอง) ชั้นลอย แบบพอเข้าไปในตึก มองไปทางด้านบนที่เป็นชั้นลอย เห็นคนเยอะๆก็ใช่แล้วละค่ะ ^_^

- รับบัตรคิว
ก่อนขึ้นไปอย่าลืมไปซื้อแคชเชียร์เช็คที่ธนาคารสีเหลืองก่อนนะค่ะ
เดินไปที่ชั้น 2 แล้วไปรับบัตรคิวจากพี่ยามค่ะ โดยคิวนี้จะเป็น A+(หมายเลข) เวลาดูที่จอเรียกจะได้หาเจอ
(เพราะเดี่ยวจะมี D+(หมายเลข) ด้วย)
เมื่อรับบัตรคิวแล้วจะเข้าไปในห้องรอเลย หรือจะรอด้านนอกก่อน พอใกล้เบอร์ของเราค่อยเข้าไปก็ได้

อย่าลืมปิดมือถือตอนเข้าไปนะค่ะ


- ยื่นเอกสาร
เมื่อถึงคิวของเรา ก็ทำการยื่นเอกสารที่เอามาทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่เลย เค้าก็จะเช็คเอกสารของเรา อาจมีถามนู่นนั่นนี่บ้าง ก็ตอบๆไปค่ะ เชื่อมั่นใจตนเองค่ะ ถ้าเอกสารที่จำเป็นครบก็ไม่น่าจะมีปัญหา (แต่ตอนเราไปยื่นเค้าถามมากซะจนเราเฟลไปหลายวันเลย >"<) และเราได้สมัครให้ส่งความคืบหน้าของคำร้องผ่านทาง sms (3 sms 15 บาท = =") ไปด้วย

นอกจากนี้ก็จะให้เราเลือกวิธีการรับวีซ่าและเอกสารคืน ถ้าอยู่กรุงเทพ, เชียงใหม่ และข่อนแก่น ก็สามารถส่งป.ณ.ไปได้ค่ะ แต่เราอยู่หาดใหญ่ ก็ต้องไปรับเองที่กรุงเทพเลย หรือให้ส่งไปบ้านญาติในกทม. ซึ่งเราเลือกอย่างหลังค่ะ เลยจำเป็นต้องเขียนใบมอบอำนาจให้ญาติรับเอกสารแทนด้วย

- สแกนลายนิ้วมือ
เมื่อยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เสร็จ จะได้บัตรคิวอีกใบเป็น D+(หมายเลขอันเดิม)
แล้วกลับมานั่งรอที่เดิมเพื่อไปสแกนลายนิ้วมือค่ะ

พอถึงคิวพี่ยามก็จะเรียก เราก็เข้าไปสแกนนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว + ถ่ายรูป เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ^_^

เราใช้เวลาในการไปยื่นขอเกือบๆ 2 ชม.นะค่ะ ไปถึง VFS ประมาณ 9 โมงครึ่ง
ทำเสร็จทุกอย่างออกมาจาก VFS 11 โมงครึ่งกว่าๆเองค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะนานกว่านี้ซะอีก....



ลืมบอกค่ะ ว่าตอนนี้ VISA ของเราผ่านแล้วค่ะ ไชโย!!!!
ใช้เวลาในการรอ 3 อาทิตย์พอดิบพอดี ได้ค่อนข้างเร็วเพราะเราเขียนวันเดินทางล่วงหน้าเกือบเดือนอะค่ะ
คือกะจะเดินทางวันที่ 25 กันยายนนี้ แต่เราเขียนว่าเดินทาง 1 กันยา เลยได้เร็วเลย ฮา...

ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน เราซื้อกับ STA travel ค่ะ ได้ทำบัตรนักศึกษานานาชาติด้วย(ชื่อเวอร์เชียว) หรือย่อว่า ISIC ค่ะ
แถมได้น้ำหนักกระเป๋าเป็น 30 kg ด้วย ^_^

สุดท้าย (จะไปนอนละ = =")
ตอนนี้ก็เหลือแต่รอรับปริญญา, จัดกระเป๋า กับซื้อเสื้อหนาวนิดหน่อยและของใช้ส่วนตัว
ส่วนที่เหลือไปตาย(ซื้อ)เอาดาบหน้าที่นู่นดีกว่า ขี้เกียจหอบไปเยอะ ="=

...ฝันดีค่ะ...

05/07/2009

เตรียมตัวเรียนต่อ - ตรวจวัณโรคที่ IOM

อัพบล๊อกครั้งที่สอง...ว่าด้วยการตรวจวัณโรคที่ IOM
เผื่อสำหรับคนตจว.ที่ไม่ค่อยรู้เส้นทาง ไปตรวจครั้งแรกหรือต้องไปคนเดียว = ="

--------------------------------

ข้อกำหนดการตรวจวัณโรคสำหรับผู้ขอวีซ่า
ที่ประสงค์จะเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักร
เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน
และอายุมากกว่า 11 ปี

รายละเอียด.... ผู้ขอวีซ่าทุกคนที่ยื่นขอวีซ่าในประเทศไทยซึ่งมีความประสงค์ที่จะเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักรเป็นเวลานานกว่าหกเดือน จะต้องขอรับหนังสือรับรองยืนยันว่า ตนมิได้เป็นวัณโรค ก่อนยื่นคำขอวีซ่า


โดยผู้ขอวีซ่าประเภทที่ต้องยื่นหนังสือรับรองดังกล่าวตามข้อกำหนดใหม่นี้รวมถึง
- นักศึกษาที่ต้องศึกษาเล่าเรียนเป็นเวลานาน

- ผู้ถือหนังสืออนุญาตให้ทำงาน คนงานรับจ้างทำงานทั่วไปและคนงานทำงานบ้าน อาสาสมัครสังคมสงเคราะห์ (รวมผู้อยู่ใต้การอุปการะของบุคคลดังกล่าวด้วย)
- ผู้ขอวีซ่าประเภทพำนักถาวรและในกรณีของการสมรสต่างๆ

ซึ่งผู้ขอวีซ่าที่ไม่ยื่นหนังสือรับรองดังกล่าวในขณะยื่นคำขอ
จะถูกปฏิเสธการออกวีซ่า และจะไม่มีการคืนค่าธรรมเนียมวีซ่าให้


ในการตรวจนี้จะทำโดย องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization Migration) หรือย่อได้เป็น IOM ค่ะ ^_^
(จาก...http://www.vfs-uk-th.com/thai/tb.aspx)


--------------------------------


ทีนี้...เราก็มาดูขั้นตอนการขอตรวจวัณโรคกัน (เพราะมันช่างวุ่นวายและเปลืองค่ารถเหลือเกิน = =")


ขั้นที่ 1 การโทรจองเวลากับ IOM
โดยการโทรไปที่เบอร์จากลิงค์ด้านบน แล้วเลือกติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการนัดเวลา อย่าลืมแจ้งที่ชื่อและเบอร์ติดต่อกลับ
แนะนำให้โทรล่วงหน้าซัก 5-7 วัน และนัดเวลาตอนเช้าประมาณ 9-10 โมงเช้า หรือ 8 โมงครึ่งถ้าคิดว่าไปทัน เพื่อที่จะได้ตรวจและรับใบรับรองก่อนเที่ยง



ขั้นที่ 2 เตรียมเอกสาร
เอกสารที่ใช้มีดังนี้....(ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ตั้งครรภ์)
1. หนังสือเดินทางตัวจริงพร้อมสำเนา 1 ชุด
2. บัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา 1 ชุด
3. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูบ (ด้านหลังเป็นสีขาวหรือไม่ก็ได้)
4. เงินจ้ะเงิน...2600 บาทถ้วน (จ่ายที่ IOM เลย ไปถึงรพ.ก็ไม่ต้องจ่ายแล้วนะ)
** รายการที่ 1-2 อย่าลืมเซ็นสำเนาถูกต้องนะ ส่วนรูปเขียนชื่อด้านหลังไว้ก็ดี)**



ขั้นที่ 3 เดินทางไปตรวจ (อย่าลืมเอาเอกสารกับเงินที่เตรียมไปนะ)
สำหรับเราที่ไม่ใช่คนกรุงเทพ การเดินทางไปตรวจค่อนข้าง งงๆเล็กน้อย แต่โชคดี๊ โชคดี ไปนอนคอนโดเพื่อน เพื่อนเลยพาไป โดยใช้ BTS ไปอย่างสะดวกสบาย(เรอะ?!)



()เล็งสถานี ศาลาแดง กับ สนามเป้า ไว้นะ เพราะเป็นสถานีที่เราต้องลงกัน....

ส่วนการซื้อตั๋วรถไฟฟ้า แนะนำให้ซื้อเหมารายวันราคา 120 บาทสำหรับคนที่มาจากทางอนุเสาวรีย์ชัย หรือหมอชิด เพราะจะถูกกว่า

()เนื่องจากคอนโดของเพื่อนอยู่ติด BTS ราชเทวีเลยต้องมีการเปลี่ยนสาย BTS ที่สยามก่อน แล้วจึงไปสถานีศาลาแดง

เมื่อลงจากรถไฟฟ้าให้ออกทางประตูที่ 1 ย้ำประตู้ที่ 1 ซึ่งจะเป็นด้านตรงข้ามกับ CP tower แล้วจึงลงไปข้างล่างถนน พยายามมองด้านตรงข้ามเพื่อหา CP tower จะเดินเลยสถานีไปสักพัก แล้วเราก็จะอยู่ตรงข้าม CP tower มองหาตู้ไปรษณีย์สีแดง อาคารเกษมกิจที่เป็นสำนักงานของ IOM จะอยู่หน้าตู้เลย

()จากนั้นเข้าไปในอาคาร บอกพี่ยามว่ามา IOM พี่เค้าก็จะรู้เลย ก็ให้แลกบัตรเข้า-ออกกับพี่ยาม แต่....อย่าใช้บัตรประชาชนแลกล่ะ เพราะเดี่ยวเราจะต้องใช้ (ของเรา เราใช้ใบขับขี่แลก) แล้วขึ้นลิฟท์ไปชั้น 8 ซึ่งเป็นสำนักงานของ IOM กันเลย ^_^




ขั้นที่ 4 ยื่นเอกสาร

()เมืื่อลิฟท์มาถึงชั้น 8 ออกมาจะเจอจนท.ตรวจความปลอดภัยนิดหน่อย (ตรวจพวกอาวุธนะ) ก็เข้าไปข้างใน บอกจนท.ว่านัดไว้กี่โมงก็ว่าไป ก็จะให้ยื่นเอกสาร เค้าก็จะเช็คเอกสารของเราซักพัก ก็จะบอกว่าให้ไปรอด้านในพร้อมบัตรคิว


()ระหว่างรอก็อ่านรายละเอียดการตรวจพลาง เซ็นเอกสารพลาง ถ้าคนไม่เยอะก็รอแป๊บเดียว พอถึงคิวเราก็เข้าไปที่โต๊ะแรกจากขวา(มี 3 โต๊ะ) เค้าก็จะถามรายเอียดเกี่ยวกับเราและวีซ่านิดหน่อย ถ้าไม่รู้ก็บอกไม่รู้ไปเลย(โดยเฉพาะเรื่องวีซ่า) พี่เค้าไม่ว่าหรอก ให้เช็คชื่อ-นามสกุล รหัสพาสปอร์ต ให้ถูกต้อง พร้อมเซ็นเอกสารอีกหลายจุด...อ๊ะ!!! และเลือกรพ.ที่จะไปตรวจด้วย ระหว่าง รพ.พญาไท 2 กับรพ.บำรุงราษ (เราเลือกที่แรกนะ)


()จากนั้นจะให้เราย้ายไปอีกโต๊ะ (โต๊ะกลาง) ซึ่งก็คือโต๊ะจ่ายเงินนั่นเอง เราก็ทำการจ่ายเงิน เค้าก็จะอธิบายการตรวจ ยืนยันข้อมูลต่างๆ เช่น ชื่อ-นามสกุล รพ.ที่จะไปตรวจ บลา...บลา...บลา.... สุดท้ายจะได้ซองสีน้ำตาลมาเพื่อไปยื่นให้รพ.




ขั้นที่ 5 ไปเอกซเรย์ปอดที่รพ.(พญาไท2)

()เนื่องจากเลือกไปตรวจที่ รพ.พญาไท 2 ก็รีบเดินกลับไปที่รถไฟฟ้า เพื่อไปลงสถานีสนามเป้า (เปลี่ยนขบวนที่สยามด้วยนะ)

เมื่อลงจากรถ จะมีป้ายบอกว่าออกทางประตูไหนไปรพ.พญาไท2 ก็ลงตามนั้นเลย ลงมาที่ถนนแล้วเดินย้อนขึ้นไปหน่อยนึงจะเห็นตึกรพ.สูงๆอยู่ ก็เดินไปจนกว่าจะเข้าไปในรพ.นั่นแหละ

()พอเข้าไป แจ้งจนท.ว่ามาจาก IOM เค้าก็จะให้เราทำประวัติของรพ.(ถ้ามีแล้วก็ไม่ต้อง) จากนั้นก็ไปรอด้านใน จะมีจนท.อีกกลุ่มมารับเอกสารไป ประมาณว่าเห็นถือซองน้ำตาลมา รพ.ก็รู้ละว่ามาจาก IOM เพื่อตรวจวัณโรค ก็นั่งรอไปสักพักก็จะให้เราไปรอหน้าห้องเอกซเรย์


()รอหน้าห้องเอกซเรย์พักใหญ่ก็จะเรียกเราไปเซ็นเอกสารพร้อมถามรายละเอียดเกี่ยวกับร่างกาย(ผู้หญิง)นิดหน่อย แล้วจึงเข้าไปตรวจ


()เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดตรวจ สำหรับผู้หญิงอย่าลืมถอดชั้นในละ (= =") ถอดสร้อยคอ สร้อยข้อมือ นาฬิกาออกด้วย เก็บของมีค่าในล๊อกเกอร์พร้อมล๊อกกุญแจ (เก็บกุญแจไว้กับตัวได้) แล้วรอแป๊บนึงจะได้เข้าไปตรวจ


()การตรวจ ไห้หน้าอกชิดแผ่น(อะไรซักอย่าง) เอามือเท้าสะเอว จนท.จะบอกหายใจเข้าค้างไว้....นานๆ หายใจออก....เสร็จ!!! (ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที) แล้วออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับมานั่งรอฟิล์มเอกซเรย์ อันนี้รอนานหน่อยประมาณ 1/2 ชม.


()เมื่อได้ฟิล์มมา เป็นซองสีขาวๆใหญ่ๆ ก็จะให้เราถือไปที่ IOM เอง พยายามไปให้ถึงก่อน 11 โมงครึ่ง เพราะเผื่อจะได้รับใบรับรองทันรอบเช้า (ที่คือเหตุผลว่าทำไมควรจองเวลาเช้าๆไว้ก่อน)




ขั้นที่ 6 กลับมารับใบรับรองที่ IOM

()ยื่นฟิมล์ให้จนท.ด้านหน้าเลยค่ะ


()ถ้ามาถึงก่อนเที่ยง จริงๆควรก่อน 11 โมงครึ่งจะดีกว่า แล้วไม่มีความผิดปกติจากการเอกซเรย์ปอด ก็จะได้ใบรับรองเลยในวันนั้นเลย แต่ถ้ามาหลังเที่ยง อย่างเราตอนนั้นกลับไปถึง IOM ประมาณเที่ยงเกือบครึ่ง ก็จะได้บัตรคิวสำหรับรอบบ่าย โชคดีเป็นคิวที่ 2 พอบ่ายกว่าๆก็ได้รับใบรับรองเลย ^_^


()สำหรับผู้ที่พบความผิดปกติของปอดจากการเอกซเรย์ (ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามีอะไรในปอดรึป่าว) จะต้องมาตรวจเสมหะที่ IOM ติดต่อกัน 3 วัน ถ้าตรวจไม่พบเชื้อ ก็จะได้รับใบรับรองในวันที่ 4 เลย




สำหรับใบรับรองที่ได้นี้ จะมีอายุ 6 เดือน เป็นใบสีเหลืองๆ ขนาด A4 มีรูปหน้าเราและรายละเอียดส่วนตัวที่สำคัญต่อการเดินทางไปอังกฤษ วันหมดอายุ รวมถึงคำรับรองว่าเป็นผู้ปราศจากวัณโรค(เวอร์ละ = =")


--------------------------------


คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องไปตรวจนะค่ะ เพราะเราก็ไปตรวจครั้งแรก เดินมั่วทางอยู่พักนึงเหมือนกัน
มีอะไรไม่เข้าใจหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม คอมเมนต์ไว้หรือ อีเมลล์มาได้ที่ evilkun@gmail.com จ้า.....

30/06/2009

จะไปเรียนต่อ

TaDa!!!!!

Welcome to my blog......



คือว่า....จะมีโอกาสได้ไปเรียนต่อ ณ ประเทศอังกฤษ กับชาวบ้านเค้า
บวกกับเพื่อนหลายๆคนบอกว่าทำบล๊อกสิ จะได้ช่วยเตือนความทรงจำ(ที่มีอยู่น้อยๆ)ไง
ไอเราก็ว่า เออ....ดีแฮะ ดูดีมีสาระดี น่าสนๆ เลยออกมาเป็นเจ้าบล๊อกนี้แหละจ้าาาาา



ก่อนอื่นเลย....หลายๆท่านที่(หลง)เข้ามาอ่าน อาจงงว่าอินี้เป็นคราย(กรุณาออกเสียงสำเนียงอินเดีย)....
ขอบอกเลยค่ะว่า เป็นสาวน้อยบ้านนอกคนนึงที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ!!!
แต่อย่าคิดว่ามันเก่งกาจ ได้ทุนอะไรไปนะ ไม่ใช่ค่ะ ทุนบุพการี (แต่ก็จะทำงานพิเศษด้วยนะเออ) พร้อมสัญญาทาสกลับมาใช้ทุนอีกต่างหาก = ="


หรือบางเวปบอร์ดอาจรู้จักในชื่อ evil_kun ซึ่งก็คือก็คนเดียวกันนั่นเอง (ดูหนุ่มแว่นด้านบนได้ คือหลักฐานว่า evil_kun ตัวจริงเสียงจริง)


ว่าด้วยการเรียนต่อเมืองนอกมันก็ต้องมีเตรียมการหลายๆอย่าง แต่ขอเราค่อนข้างช้ามาก....
- เริ่มสมัครเดือนเมษา
- สอบ IELTS เดือนมิถุนา
- ตรวจวัณโรค เดือน กรกฎา (ระหว่างนี้รอเอกสารจากมหาลัยแบบ Uncondition อยู่)
ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้คือ เอาเงินเข้าบัญชี ทำเรื่อง+ยื่นเอกสารขอวีซ่า และสุดท้ายเตรียมตัวไปเดินทางนั่นเอง ^_^


ล่าสุดนี้เพิ่งกลับจากไปตรวจวัณโรคที่กรุงเทพมา(บอกแล้วว่าอยู่บ้านนอก) โชคดีที่มีเพื่อนไปด้วย ไม่งั้นคงหลงอยู่แถมสีลมซะแล้ว = ="



อัพบล๊อกครั้งหน้าจะว่าด้วยการตรวจวัณโรคจ้าาาา....